คุณรู้จัก blog นี้ได้อย่างไร

คำแนะนำ

วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เศรษฐกิจพอเพียงกับชีวิตประจำวัน


วันสำคัญของปวงชนชาวไทยได้ผ่านพ้น มันคงเหมือนทุกๆปีที่พวกเราปวงชนชาวไทยแสดงความจงรักภักดีกับในหลวงใส่เสื้อเหลืองหรือจุดเทียนชัย แล้วขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ ทุกๆคนมีความสุขที่วันนี้ เป็น 1 วันที่จะได้ยินเสียงในหลวงและฟังท่านตรัสเรื่องต่างๆ ให้พวกเราได้ฟัง ผมได้เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของคนไทยทุกหมู่เหล่า ที่ดูทีวีแล้วมีความสุขที่ได้ยินในหลวงตรัสเรื่องต่างๆ
ทุกๆคนมีความสุขที่ได้ยินในหลวงตรัสในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าเรื่องความสามัคคี การปรองดอง และเศรษกิจพอเพียง ไม่ว่าผ่านมากี่ปีท่านยังพูดเรื่องเดิมอยู่ ทำให้ผมได้คิดว่าทำไม ท่านยังพูดแต่เรื่องเดิมๆมานาน แม้ท่านจะเหนื่อยชรา ปชวร ท่านก็ยังพูดแต่เรื่องเดิม
ในใจผมคิดว่า ท่านคงคิดว่าประชาชนคนไทยหูหนวกหรือว่ากระไร ทำไมทุกปียังเหมือนเดิม คนไทยมีความสุขที่มีในหลวงทรงคิดกาลไกล มีความสุขที่มีในหลวงที่ทรงอัฉริยะภาพ
มีความสุขที่ได้ยินในหลวงทรงมาเล่าเรื่องต่างๆให้ฟังในวันที่ 5 ธันวา แต่ไม่ว่าผ่านมาอีกกี่ปีทุกๆอย่างก็ยังเหมือนเดิม นับวันความพอเพียงก็ไม่เคยพอ ความปรองดองก็กลายเป็นการแตกแยก คนไทยยังตีความหมายอะไรผิดๆ ความเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญ คนเราก็เกิดมาจากร้อยพ่อพันธ์แม่ คำพูดเดียวกันแต่หลายคนที่ตีความหมายผิด แต่ไม่ว่าจะผิดหรือถูก เราควรจะเข้าใจและให้เกียร์ตวิธีคิด การพอเพียงและปรองดองให้เป็นอย่างดี
ว่ากันเรื่อง พอเพียงกับพอตัวเอง มันต่างกันพอเพียงได้น้อยใช้น้อย ได้พอประมาณก็ใช้พอประมาณ ได้มากก็เหลือเก็บหรือแบ่งปัน รู้ว่าอะไรควรซื้ออะไรจำเป็น บางคนเงินก็ยังไม่มีต้องกู้ยืมเงินเพื่อนหาซื้ออะไรที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันนอกจากปัจจัย 4 จนเป้นหนี้เป็นสิน สิ่งสำคัญสำหรับการพอเพียงคืออย่าเป็นหนี้ ได้เยอะก็แบ่งปันพอสมควร ได้น้อยก็ประหยัดอย่างที่กล่าวมาข้างต้น เกิดเป็นคนต้องมีน้ำใจ ส่วนพอตัวเองคือทำอะไรก็ได้น้อยๆประหยัดให้ตัวเองรอด พอเพียงแต่ตัวเอง หามาเพิ่มเยอะๆ ให้ตัวเองมีเยอะๆ แต่ใช้น้อยๆ เพื่อจะได้มีทรัพสิน ที่มากกว่าปัจจัยสี่ ตัวเองรอดคนอื่นจะเป็นยังงัยช่างมัน นี้ก็ผิดไม่ใช่หลักเศรษฐกิจพอเพียง การพอเพียงต้องเอื้อทั้ง ทรัพสินและน้ำใจให้พอเหมาะ ว่ากันตามจริงเรื่องเศรษกิจพอเพียงมันอยู่กับสังคมไทย มานานแล้ว ที่ชาวบ้านพากันหาปลูกผักพลไม้ หาเงิน มีเหลือก็แบ่งปันเพื่อนบ้านบ้าง สำคัญคือการพอเพียง คือการมีน้ำใจ ซึ่งกันและกันแต่ถึงยังงัยก็ยังมีคนตีความหมายผิดไปอีกหลายรูปแบบ เพื่อให้ตัวเองดูดีและรักในหลวงที่มีความพอเพียง
ส่วนการสามัคคีปรองดองกับการปกครองก็ต่างกัน ก็ยังมีคนตีความหมายผิดว่าการปรองดองสามัคคี คือการอยู่กันเป็นกลุ่มและแต่ละคนต้องเป็นแบบนี้แบบนั้น ถ้าไม่เหมือนกัน ก็ถือว่าคนนี้ไม่อยากมาดองกัน กลายเป้นกลุ่มอิทธิผลเพื่อชื่นชอบกันของแต่ละกลุ่ม ซึ่งต้องชอบอะไรเหมือนกันๆ แต่มันก็กลายเป็นการปกครองคนเรามีร้อยพ่อพันธ์แม่ จะทำให้ทุกคนมาเป็นแบบเดียวกันก็คงยาก บางทีต้องเข้าใจกันบ้าง ว่าสิ่งที่เราคิดก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด คนแต่ละคนก็มีทางออกในตัวเขาเองไม่ว่าทางไหน สิ่งที่ทำก็อย่าทำให้ใครเดือดร้อน ดังนั้นการปรองดอง จึงไม่ใช่การปกครอง หรือมีอิทธิผล การปรองดองคือการเข้าใจเขา เขาจะทำอะไรก็ปล่อยเขาเขาทำดีก็ยินดี เขาทำอะไรไม่ถูก ก็เฉยๆไม่ต้องกลัว ทุกๆอย่างมันอยู่ที่ใจ คอยช่วยคนที่ลำบากก็เพียงพอ ไม่ต้องไปควบคุมอะไรมากมาย เพราะคนทุกคนมีธรรมชาติของตัวเอง เพราะ
พวกเราเป็นมนุษย์สามารถทำอะไรถูก หรือทำอะไรผิด ได้เท่าเทียมกัน ไม่มีใครที่เกิดมาโดยไม่เคยทำอะไรผิด ดังนั้นถ้าให้เกิดการปรองดอง เราควรจะช่วยๆเหลือคนที่ไม่รู้ ไม่ต้องสนว่าเขาจะใช้เรา หรือเขาจะก้าวข้ามเราไป ถ้าเรามีความเข้าใจอะไรแล้ว ความปรองดองจะเกิดขึ้นทุกหมู่เหล่า ทุกๆอย่างต้องเข้าใจ และมีน้ำใจต่อทุกๆคนด้วยแล้วพวกเราจะได้รู้จักคำว่าการปรองดองที่แท้จริง การปรองดองทุกๆคนจะมีอิสระต่อกันและเข้าใจ อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข คล้ายๆชาวบ้านในบ้านนอกซึ่งมีความปรองดองทั่วๆกัน ส่วนการปกครองเหมือนสังคมเมืองที่ทุกคนต้องทำตามกฏที่คนนั้น คนนี้ตั้งไว้ แต่คนนั้นที่ตั้งกฏไว้ ก็ไม่สามารถทำตามกฏได้เอง นี้แหละทำให้คนเราแตกแยกกัน
ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมเสนอบางคนจะเข้าใจหรือ สนใจแค่ไหน ผมรู้บางคนอาจจะไม่ชอบในสิ่งที่ผมเขียนไปและไม่เข้าใจ ผมเองก็ไม่ถือตัวว่าผมเข้าใจในสิ่งที่ในหลวงพูด แต่อย่างน้อยมันก็มาจากความรู้จากใจ ของกระต่ายน้อยคนนี้ ก็คงจะใกล้เคียงสิ่งที่ในหลวงได้กล่าวไม่มากก็น้อย
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานอาสาสมัครเพื่อในหลวง Supertunt กระต่ายน้อยใจใหญ่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น